สิ่งสำคัญที่สุดในกีฬาบาสเกตบอลมีอยู่สองอย่าง คือ ผู้เล่น และลูกบาสเกตบอล
นักกีฬาเปลี่ยนหน้าไปตามกาลเวลา แต่ลูกบาสเกตบอลกลับมีหน้าตาเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยน นั่นคือ ลูกบอลสีส้มอันเป็นเอกลักษณ์ และแตกต่างจากกีฬาอื่นทั่วโลก เล่นสล็อตยังไงให้ได้เงิน
Main Stand เกิดคำถามว่า ทำไมลูกบาสเกตบอลถึงเป็นสีส้มมาทุกยุคทุกสมัย ? ซึ่งความจริงแล้วไม่ได้เป็นแบบนั้น เพราะช่วงเริ่มแรก ลูกบาสเกตบอลมีสีคล้ายลูกบอลไม่มีผิดเพี้ยน แถมยังมีลูกฟุตบอลที่สวยกว่าสีส้มเสียอีก
กำเนิดลูกบาสเกตบอล
เมื่อกีฬาบาสเกตบอลถือกำเนิดในเดือนธันวาคม ปี 1891 ที่เมืองสปริงฟิลด์ รัฐแมสซาชูเซตส์ ลูกบอลที่ใช้ในการแข่งขันวันนั้น ไม่ใช่ลูกบาสเกตบอลแบบที่เราเห็นกันในวันนี้
สาเหตุเพราะบาสเกตบอลเกมแรกเกิดขึ้นอย่างกระทันหัน จากความคิดของ เจมส์ ไนสมิท ครูพละศึกษาในโรงเรียนสปริงฟิลด์ คอลเลจ ที่ต้องการสร้างกีฬาชนิดไว้แข่งขันในฤดูหนาว
ไนสมิทแบ่งนักกีฬา 18 คนออกเป็นสองข้าง ฝั่งละ 9 คน สร้างกติกาหลวม ๆ ให้นักเรียนแข่งขันโยนลูกบอลลงตะกร้าเก็บลูกพีชที่ผูกติดไว้บนเสาสูง ซึ่งตั้งอยู่ปลายสุดของสองฝั่งสนาม
นักกีฬาพร้อม กติกาพร้อม แต่สิ่งที่ยังขาดคือลูกบอล ไนสมิทไม่คิดนาน เขาเลือกใช้ลูกฟุตบอลเป็นอุปกรณ์การเล่น ดังนั้น กีฬาบาสเกตบอลในช่วงแรก จึงใช้ลูกฟุตบอลในการแข่งขัน
กว่าบาสเกตบอลลูกแรกจะผลิตขึ้น ต้องรอถึงปี 1894 เมื่อบริษัท Spalding & Bros (แบรนด์ Spalding ในปัจจุบัน) พัฒนาลูกบอลแบบใหม่ที่มีขนาด 32 นิ้ว ใช้วัสดุด้านนอกเป็นแผ่นหนัง ขณะที่ด้านในมีลูกยางเป็นแกนกลางของบอล
ปี 1948 เกิดความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่กับลูกบาสเกตบอล เมื่อมีการลดขนาดลูกเหลือ 30 นิ้ว ซึ่งถือเป็นต้นแบบของลูกบาสเกตบอลในปัจจุบัน แต่สิ่งที่ยังเหมือนเดิม คือการใช้หนังสัตว์เป็นวัสดุภายนอกของลูกบาสเกตบอล