เรียกได้ว่าเป็นอีกคืนที่สาวก “เร้ด เดวิลส์” และ “เดอะ ค็อป” นอนกันไม่หลับหลังจาก “ปิศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ฟอร์มหลุดโดน ทอตแนม ฮอตสเปอร์ บุกถล่มคาบ้าน 1-6 ขณะที่ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล บุกไปโดน “สิงห์ผงาด” แอสตัน วิลลา อัดยับเยิน 2-7
จากสกอร์ที่ออกมาเชื่อว่าแฟนบอล “ปิศาจแดง” คงไม่ค่อยตื่นเต้นซักเท่าไร เพราะช่วงหลังฟอร์ม ก็ย่ำแย่อยู่แล้ว แถมคู่ต่อสู้อย่างสเปอร์ส ก็ถือว่าไม่ธรรมดา แม้ว่าสกอร์ออกเละแต่ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้
แต่คู่ระหว่าง “หงส์แดง” กับวิลลานั้นเชื่อว่าร้อยทั้งร้อยไม่มีใครคาดคิดว่าสกอร์จะออกมาแบบนี้
หรืออาจจะคิดว่าสกอร์ออกมายิงกระจุยกระจายแบบนี้ แต่คงเป็นลิเวอร์พูลที่ยิงแอสตัน วิลลา กระจุย
ไม่ใช่ วิลลา ยิง “หงส์แดง” ยับเยินแบบนี้
เพราะไม่ว่ามองมุมไหน ลิเวอร์พูล เหนือกว่าเยอะ แม้ว่าจะไม่มีซาดิโอ มาเน และติอาโก อัลคันทารา ที่ติดโควิด-19 ก็ตาม
หรือแม้กระทั่งอลิสสัน ผู้รักษาประตูทีมชาติบราซิลที่เจ็บแต่ก็ไม่น่าจะส่งผลกระทบขนาดนี้
สิ่งที่เห็นจากเกมของแมนฯ ยู และ ลิเวอร์พูล นั้นไม่ได้เกิดเพราะการวางแผนผิดหรือระบบการเล่นของกุนซือของทั้งสองทีมแต่อย่างใด
แต่เป็นความผิดพลาดส่วนบุคคลทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นแฮร์รี แมคไกวร์, เฟร็ด ของแมนฯยู หรืออาเดรียน, เทรนท์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ ของลิเวอร์พูล
เรียกได้ว่าการผิดพลาดของคนเพียงแค่คนเดียวก็ส่งผลต่อทีมได้ทั้งหมด
ลองกวาดตามองไปบนตารางพรีเมียร์ลีกตอนนี้บรรดาท็อปโฟร์เมื่อปีที่แล้วไม่มีใครอยู่ในตำแหน่งเดิมเลยซักทีมเดียว
ปัญหาสำคัญของบรรดาทีมใหญ่ในซีซันนี้ก็คือ “แนวรับ”
ไม่ว่าจะเป็นลิเวอร์พูล, แมนเชสเตอร์ซิตี้, เชลซี ส่วน แมนฯ ยู ไม่ต้องพูดถึงเพราะแย่มากตั้งแต่ฤดูกาลที่แล้ว
โดยเฉพาะ “หงส์แดง” ที่ลงเล่นไป 4 นัดเสียไปถึง 11 ประตูด้วยกัน ทั้งๆ ที่ปีที่แล้วกว่าจะเสียถึง 11 ประตูต้องเล่นถึง 13 นัดด้วยกัน
เช่นเดียวกับ แมนฯ ซิตี้ ที่ยังจูนไม่เจอโดยเฉพาะแนวรับที่ยังมีปัญหานับตั้งแต่แว็งซองต์ กอมปานี อดีตกัปตันทีมอำลาทีมไปเมื่อ 2 ปีที่แล้ว แนวรับ “เรือใบสีฟ้า” ก็ไม่แกร่งเหมือนเก่า แม้จะมีตัวแทนอย่าง จอห์น สโตนส์, นิโคลัส โอตาเมนดี, ไคล์ วอล์คเกอร์ แต่ก็ไม่สามารถแทนกอมปานี ได้ซักคน
มีเพียงแค่อายเมริค ลาปอร์ต ปราการหลังทีมชาติฝรั่งเศสที่ฝากผีฝากไข้ได้ แต่ก็มีอาการบาดเจ็บบ่อยทำให้ฟอร์มไม่ต่อเนื่อง
ส่วนแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไม่ต้องพูดถึงเละมาตั้งแต่ปีที่แล้วมาปีนี้ก็เละเหมือนเดิม
บรรดาทีมใหญ่มีเพียงแค่อาร์เซนอลที่แนวรับดูดีขึ้นหลังจากได้กาเบรียล มาร์กินเญส มาเสริมทัพเมื่อมาผนึกกับ ดาวิด หลุยซ์ และคีแรน เทียร์นีย์ ถือว่าโอเครเลยทีเดียว
หลังจากนี้ไปประมาณเกือบ 2 สัปดาห์จะไม่มีเกมลีกแข่งขันเนื่องจากหลีกทางให้กับทีมชาติ
เชื่อว่าบรรดากุนซือทั้งหลายน่าจะต้องปรับกระบวนทัพกันยกใหญ่
เพื่อหวังว่าจะพาทีมคืนฟอร์มเก่งให้ได้อีกครั้ง
ก็ต้องมาตามดูกันว่า “หงส์”, “เรือใบ”, “ผีแดง”
ใครจะจูนแนวรับได้ก่อนกัน!!